Latest Articles

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อัปเกรดการ์ด Wireless ของ Macbook Pro 15 Late 2013 ใส่ Macbook Pro 15 Mid 2012

หลังจากหาข้อมูลมานานเรื่องการอัปเกรด wireless card หรือที่ Apple เรียกว่า Airport Card  ซึ่งรุ่นที่ผมใช้อยู่คือ  Macbook Pro 15 Retina Mid 2012 โดยการ์ดที่ติดมานั้นเป็นมาตรฐาน IEEE 802.11n จึงคิดอยากจะลองอัปเกรดดูว่าเป็นไปได้หรือทำได้ไหม วันนี้มีข้อสรุปให้
จุดที่ดึงความสนใจเพราะว่าดูสเปคของ Macbook Pro 15 Retina Late 2013 (ตัวที่กำลังขายในปัจจุบัน) ที่มาพร้อมการ์ดไวฟาย IEEE 802.11ac (แท้จริงแล้วยังเป็นเพียง draft ac เท่านั้น) ก็เลยอยากจะเอามาลองอัปเกรดดู

ทำไมถึงอยากอัปฯ และ 802.11n และ 802.11ac ต่างกันยังไง?

ดูแผนภาพจะได้เข้าใจง่ายขึ้นนะเมื่อเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ อัตราการรับส่งข้อมูลของ ac  นั้นจะไวกว่า n โดยสูงสุดที่รองรับได้คือ 1300 Mbps หรือ 1.3Gbps ซึ่งมันเร็วกว่า n ถึง 2.5 เท่า นี่ก็เลยเป็นเหตุผลหลักของการอยากรู้อยากเห็นเรื่องนี้
ระยะทางจะแปรผันตามระยะทางของเร้าเตอร์ส่งสัญญาณและโน็ตบุ๊คนะครับ
กลับมาต่อที่ตัวการ์ดกันนะครับเป็นคำถามที่หลายๆ คนคงอยากรู้แล้ว

การ์ดรุ่นไหน? แล้วติดตั้งแล้วใช้งานได้หรือเปล่า?

การ์ดไวฟายนี้เป็นของ Broadcom ก็บริษัทที่ทำให้ Apple นั้นแหละรุ่นที่แนะนำให้หาซื้อมาเปลี่ยนคือ BCM94360CSAX  โดยรุ่นเดิมจะเป็น BCM94331CSAX  ดูที่รูปบนสุด
หาซื้อได้ที่ไหน?
ผมหาในเว็บและ ebay ก็แล้วราคาแพงหูฉีกเลยและบ้างก็ขาดตลาดเรียกได้ว่าหายากเอาการเลยทีเดียว ดังนั้นวิธีการที่ผมหาการ์ดนี้มาได้คือ สั่งจาก Apple Service Provider หรือตัวแทนจำหน่ายที่ซ่อมเครื่องแมคซึ่งผมสั่งที่ประเทศมาเลเซียนะ ราคาประมาณ 3300 บาท (ตัวการ์ดมีประกัน 90 วัน)
ส่วนที่ไทยเหรอ ผมลองโทรสั่งแล้วที่ Mac Center  และตัวแทน Apple Service Provider  แต่พนักงานบอกว่าขายให้ไม่ได้ถ้าไม่มี Serial Number ของเครื่อง Macbook Pro รุ่นล่าสุด แถมเรื่องราคาก็ประมาณ 4xxx ผมก็เลยไม่สั่ง ก็เลยสั่งที่มาเลเซียแทนประมาณ 4-5 วันก็ได้ของมาครับ

วิธีการเปลี่ยนการ์ด

บอกก่อนคือส่วนที่ยากที่สุดคือการหาไขควงก็เพราะว่ามันน็อตที่ล็อคฐานของ Macbook Pro 15 Retina ตัวนี้มันเป็นแบบพิเศษที่มี 5 แฉก ดังนั้นต้องหาซื้อไขควงมาด้วย ที่ไทยไม่รู้ว่าที่คลองถมหรือว่าเสือป่าจะมีหรือเปล่า ส่วนผมเองสั่งซื้อชุด iFixit Pro Tech Tool Kit มาใช้ จึงสามารถทำให้งานนี้สำเร็จได้
สั่ง Shutdown ตัวเครื่องเสียก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนแรกนะครับ
เริ่มด้วยการถอดน็อต 10 ตัวใต้ฐานเครื่อง โดยเริ่มที่
  1. สีเขียว 2 ตัวด้านบน
  2. สีเหลือง 4 ตัวบนและข้าง
  3. สีแดง 4 ตัวด้านล่าง
โดยพยายามใส่คืนตำแหน่งเดิมด้วยตอนประกอบกลับ

ไขควงที่ใช้จะเป็นแบบ Pentalobe หัว 5 แฉก

หลังจากถอดน้อตครบ 10 ตัวแล้วสามารถเปิดฐานขึ้นมาได้เลยจากนั้นจะเห็นการ์ด Wireless บริเวณที่ทำกรอบสีแดงเอาไว้ให้

จากนั้นใช้ไขควงแบบ T5 Torx ถอดน็อตที่ล็อคการ์ดออกเสียก่อน

จากนั้นใช้พลาสติกปลายแหลมหรือไขควงปลายแหลมงัดสายรับสัญญาณ Wireless ออกซึ่งจะมี 3 จุดตามรูปด้านล่าง


จากนั้นสามารถถอดการ์ด Wireless ตัวเก่าออกแล้วแทนที่ด้วยการ์ดตัวใหม่


หลังจากใส่การ์ดใหม่และเสียบสายสัญญาณกลับเรียบร้อยก็ประกอบกลับ แล้วเปิดเครื่องใหม่อีกครั้งระบบจะตรวจจับการ์ด Wireless ตัวใหม่ที่เพิ่งติดตั้งลงไปได้ทันทีไม่ต้องแก้ไขเรื่องไดร์เวอร์แต่อย่างไร
จากนั้นสามารถตรวจเช็คสเปคของการ์ดใหม่ได้ที่
Apple> About This Mac> More info> System Report…> Network> Wi-Fi


เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วสำหรับการอัปเกรด Wireless การ์ด ส่วนเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานจริงนั้นจะดีขึ้นมาน้อยหรือไม่อย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แล้วจากนั้นค่อยจะสรุปได้ว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่ากับการอัปเกรดครั้งนี้
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันได้ที่ fb.com/iPhonemod ด้วยกันนะครับ


วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557


Philips PowerBank (เพิ่มเวลาการใช้งานให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกับความปลอดภัยที่คุณสบายใจได้ทุกเวลา)




Philips PowerBank 5200mAh,7800mAh และ 10400mAh
เพิ่มเวลาการใช้งานให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกับความปลอดภัยที่คุณสบายใจได้ทุกเวลา
แบตเตอร์รี่สำรองชนาดพกพาจากแบรนด์คุณภาพระดับโลกอย่าง Philips  ที่คุณจะมั่นใจได้อย่างแน่นอนใน
เรื่องความปลอดภัย ตลอดอายุการใช้งาน ที่มาพร้อมกับดีไซน์คลาสสิค รองรับการใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์
ผ่านสายพอร์ต USB  ด้วยดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูดีกับสีขาวสะอาดตาที่สามารถใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย เอาใจคน
ที่ชอบความเรียบง่ายและพกพาได้ทุกที่ใส่กระเป๋าหรือจะถือใช้งานก็สามารถทำได้ 


โดยที่ iStudio by Comseven นั้นได้จัดวางจำหน่ายทั้งหมด 3 ความจุด้วยกันคือ 5200mAh,7800mAh และ
10400mAh เพื่อให้สามารถเลือกความจุได้ตามความต้องการของคุณ หัวชาร์จขนาด 2.1A ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิ
ภาพในการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ของคุณได้รวดเร็วมากขึ้น      โดดเด่นกับการสามารถเก็บกระแสไฟไว้ใช้งาน
อย่างยาวนาน พร้อมระบบป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน กระแสไฟฟ้ารั่ว การจ่ายไฟที่เสถียรในขนาดพอดีให้คุณ
สบายใจได้เลยว่าทุกครั้งที่คุณใช้งานคุณจะได้รับความปลอดภัยและได้ใช้งานอุปกรณ์ระหว่างวันของคุณได้ยาว
นานกว่าที่เคย
พบกับ Philips PowerBank เพิ่มเวลาการใช้งานให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกับความปลอดภัยที่คุณสบายใจได้
ทุกเวลาได้ทั้ง 3 แบบคือ 5200mAh,7800mAh และ 10400mAh   ราคา 1,890.- / 2,390.- / 3,590.- ที่
iStudio iBeat by comseven 
หมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ iStudio, iBeat by comseven
สาขาใกล้บ้านคุณ


อ้างอิงข้อมูล : iStudio




หูฟังบลูทูธ Plantronics Backbeat Go2-Red (Limited Edition) (การออกแบบสำหรับนักฟังเพลงที่รักอิสระ)


Plantronics Backbeat Go2 -Red (Limited Edition)
การออกแบบสำหรับนักฟังเพลงที่รักอิสระ
ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนกับคอนเซปที่ว่า “จะถูกจะแพง ขอแดงไว้ก่อน” ประโยคนี้ใช้ได้เสมอเวลาคุณจะ
เลือกซื้อสีใดสีหนึ่ง วันนี้ขอแนะนำหูฟังสีแดงสดที่เพิ่งออกมาตามหลังจากรุ่นแรกที่เป็นสีขาวและสีดำนั่น
เอง การออกแบบที่ออกแบบมาเอาใจเหล่านักฟังเพลงที่รักอิสระ จากสัญญาณเชื่อมต่อต่างๆ    แต่ยัง
สามารถคงคุณภาพเสียงไว้ได้อย่างดีเยี่ยม บวกกับดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตาเมื่อนำมาใช้งาน    เปรียบ
เสมือนเครื่องประดับสีนำโชคไปในตัว วัสดุที่เลือกใช้เป็นแบบ Military Grade ที่ผ่านการเคลือบสาร
หรือ Nano-Coating และเทคโนโลยีของP2i ที่ทนทานต่อความชื้นได้เป็นอย่างดี


Plantronics Backbeat Go2-Red หูฟังแบบสเตอริโอบลูทูธ ที่ขนาดเล็ก กระทัดรัด และน้ำหนักเบาและ
ไม่ต้องกังวลเรื่องการพันกันของสายหูฟัง ด้วยวัสดุที่ทำจากสายเคเบิ้ลแบนเรียบที่สามารถพับเก็บได้ง่าย
ดาย เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานด้วยปุ่มที่สามารถควบคุมการทั้งทำงานทั้งหมดได้บริเวณสายของ
หูฟัง เพลิดเพลินกับการดูหนัง,ฟังเพลง    หรือจะใช้ในการสนทนากับปลายสายในกรณีที่มีสายเรียกเข้าก็
สามารถทำได้นานต่อเนื่องถึง 5ชั่วโมง พร้อมทั้งแสดงแบตเตอร์รี่ของหูฟังบนหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บ
เล็ตโดยอัติมัติได้อีกด้วย


ส่วนของสายชาร์จในรุ่นนี้เป็นสาย USB แทนสายเดิมปกติ โดยที่หัวของสายชาร์จนั้นจะมีช่องต่อ USB
แบบปกติเพิ่มมาให้อีกหนึ่งช่อง เพื่อขณะคุณกำลังเสียบหูฟังชาร์จอยู่ คุณจะไม่เสียพอร์ตในการเชื่อมต่อ
ทำงานเพิ่มเติมไปเลยแม้แต่น้อย ด้านคุณภาพเสียงก็ยังคงความเป็น Plantronics ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็น
รุ่น Limited Edition อีกหนึ่งรุ่นที่คุณไม่ควรพลาด

พบกับหูฟังบลูทูธ Plantronics Backbeat Go2-Red (Limited Edition)  การออกแบบสำหรับนักฟัง
เพลงที่รักอิสระในราคา 3,190.- ที่ iStudio by comseven
หมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ iStudio, iBeat by comseven

อ้างอิงข้อมูล : iStudio




Harman Kardon AURA Speaker (ลำโพงดีไซน์สวยหรู เสียงสดใสทั้ง360องศา)


ลำโพงไร้สาย Harman Kardon-AURA
ลำโพงดีไซน์สวยหรู เสียงสดใสทั้ง360องศา
พร้อมเอาใจให้คนรักเสียงเพลงที่เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การฟังเพลงของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นที่
นอกเหนือจากบทเพลงสุดไพเราะของคุณแล้ว คุณภาพเสียงจากเครื่องเสียงก็ถือเป็นส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน
ไม่แปลกเลยหากคนรักดนตรีหรือคอเพลงทั้งหลายจะยอมลงทุนซื้อลำโพงคุณภาพดีเยี่ยม เพื่อให้ได้คุณภาพ
เสียงที่ดีที่สุดสามารถเก็บรายละเอียดทุกส่วนของดนตรีได้เป็นอย่างดี


และล่าสุดผู้ผลิตลำโพงและเครื่องเสียงแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Harman Kardon ได้เปิดตัวลำโพงสุดหรู
ใหม่ล่าสุดที่นอกจากจะให้เสียงที่ใสคมชัดแล้วมาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดทันสมัยและดีไซน์สวยจับใจอีกด้วย
กับลำโพงรุ่น AURA ลำโพงไร้สายรูปทรงกระบอกที่โค้งมนสวยงาม สามารถนำมาจัดวางเป็นของตกแต่งภาย
ในบ้านอย่างลงตัวที่สุดด้านในบรรจุซัฟวูฟเฟอร์ขนาด 4.5 นิ้วที่จะทำให้เสียงคมชัดใสได้ทั่วทุกทิศทาง


พร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยในการเล่นเพลงแบบดิจิตอลโดยเฉพาะ กับการเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธและไวไฟ 
สำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั้งหลาย รวมไปถึงอุปกรณ์สื่อสารทุกฃนิดได้ด้วยเทคโนโลยี DLNA และการ
รองรับการเชื่อมต่อจาก Airplay สามารถเชื่อมต่อแบบง่ายๆได้ในทันทีกับสายสเตอริโอขนาด 3.5 มม.ได้อีก
ด้วย รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นสำหรับการสั่งเพลงและปรับแต่งเสียงของลำโพงได้อย่างง่ายดายบนสมาร์ทโฟน
หรือแท็บเล็ตของคุณเอง

อ้างอิงข้อมูล : iStudio


วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

iPhone 4 / 4S Carbon Fiber Full Body หุ้มทั้งตัวเครื่อง สีขาว-ดำ-เทา


สวยได้ เท่ด้วย แถมดูดี กับชุดสติ้กเกอร์
iPhone 4 / 4S Carbon Fiber "แบบหุ้มทั้งตัว FULL BODY"
ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง รวมไปถึงด้านข้างทั้งหมด
ติดแล้วรับรองว่างาม + สวยทุกมุม
แถมยังเหลือส่วนที่เป็น Logo Apple เอาไปแปะอย่างอื่นต่อได้อีกด้วย!!!







อ้างอิงข้อมูลจาก :: Padayshop

iHelicopter เฮลิคอปเตอร์วิทยุบังคับ ด้วย iPhone iPod และ iPad



iHelicopter เฮลิคอปเตอร์วิทยุบังคับ
- ขนาด กว้างยาวสูง = 190 x 95 x 42 มิลลิเมตร
- มีใบพัดแบบสองชั้น บังคับง่าย และสามารถนำไปเล่นในที่โล่งได้
- มีระบบ Gyro และ Balance Bar ช่วยการทรงตัว และลดการแกว่ง-ส่ายไปมา
- โครงสร้างทำจากโลหะทั้งชุด แข็งแรง+น้ำหนักเบา
- ไม่ต้องประกอบเครื่อง เพียงแค่ลง App และเสียบเล่นได้เลยทันที
- Download App ได้ที่นี้ http://itunes.apple.com/us/app/i-helicopter/id439500840?mt=8
- ขนาดเล็ก กระทัดรัด ผกพาไปเล่นได้ทุกที่ เท่าฝ่ามือ 
- เล่นในห้องทำงานเล็กๆ หรือที่ Office ได้ โดยไม่ส่งเสียงดังจนเกินไป
- Battery แบบ Li-Polymer ความแรง 3.7V ความจุ 200 มิลลิแอมป์ (มีในชุด)
- ใช้ระยะเวลาการชาร์จประมาน 30-45 นาที
- สามารถบินได้นาน ประมาน 5-10 นาที (ขึ้นอยู่กับว่าเปิด-ปิดไฟ LED หรือไม่)
- ชาร์จผ่าน USB ได้ด้วยสายชาร์จที่อยู่ในชุด

สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับในชุด iHelicopter
- iHelicopter สีดำ พร้อมระบบไฟ LED เปิด-ปิดได้ 1 ลำ
- ชุดควบคุมระยะไกล IR reciever สำหรับเสียบช่องหูฟัง iPhone iPad iPod 1 ชุด
- สาย USB สำหรับชาร์จไฟเข้า IR Reciver 1 ชุด
- ใบพัดหาง iHelicopter สำรอง Spare Part 2 ชุด
- ใบพัดหลัก iHelicopter สำรอง Spare Part 1 ชุด
- คู่มือภาษาอังกฤษ iHelicopter English User Manual
- กล้องใส่ iHelicopter อย่างดี




อ้างอิงข้อมูลจาก :: Padayshop

Apple iPad mini 2 Wi-Fi + Cellular


ลักษณะเด่นประจำรุ่นโทรศัพท์มือถือ

  • จอแสดงผลแบบ Retina Display IPS LCD (LED-backlit) Capacitive Touchscreen ความละเอียด 2048x1536 Pixels (กว้าง 7.9 นิ้ว : 326 ppi) พร้อมเทคโนโลยีการเคลือบผิวแบบ Oleophobic Coating ช่วยป้องกันหน้าจอจากรอยนิ้วมือ
  • ประมวลผลการทำงานด้วย Dual-Core Cyclone Processor (ชิปเซ็ต Apple A7 : มีพื้นฐานอยู่บน ARMv8 64-bit) ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 7.0.3
  • หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล ขนาด 16 GB, 32 GB, 64 GB หรือ 128 GB พร้อมหน่วยความจำ RAM (DDR3) ขนาด 1 GB
  • รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, LTE, HSPA+, CDMA EV-DO Rev.A, EDGE และ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านทางสาย Lightning to USB Cable
  • กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels (iSight Camera) พร้อมกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 1.2 ล้าน Pixels (FaceTime HD Camera)

รายละเอียดตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือ

• ระบบสัญญาณ Quad Mode (LTE/WCDMA/CDMA/GSM)

- LTE (Bands 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 13, 17, 18, 19, 20, 25, 26)

- WCDMA/HSPA+ Quad Band (850/900/1900/2100 MHz)

- CDMA EV-DO Rev. A และ CDMA Rev. B (800/1900 MHz)

- GSM Quad Band (850/900/1800/1900 MHz)
• ใช้งานได้กับซิมการ์ดแบบ nanoSIM เท่านั้น
• ขนาด 200x134.7x7.5 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก 341 กรัม
• ชนิดจอแสดงผลแบบ Retina Display IPS LCD (LED-backlit) Capacitive Touchscreen ความละเอียด 2048x1536 Pixels (กว้าง 7.9 นิ้ว : 326 ppi)

- เทคโนโลยีการเคลือบผิวแบบ Oleophobic Coating ช่วยป้องกันหน้าจอจากรอยนิ้วมือ

- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Quad-Core PowerVR G6430

- ฟังก์ชัน AssistiveTouch

- ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3-Axis Gyro Sensor

- ระบบสัมผัสแบบหลายจุด (Multi-Touch)

- ระบบ Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้

- ฟังก์ชัน Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
• ประมวลผลการทำงานด้วย Dual-Core Cyclone Processor (ชิปเซ็ต Apple A7 : มีพื้นฐานอยู่บน ARMv8) ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz

- เทคโนโลยีการประมวลผลแบบ 64-bit

- มาพร้อมหน่วยประมวลผล M7 Motion Coprocessor
• ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 7.0.3
• ชนิดแบตเตอรี่ Li-Ion Polymer (23.8 Watt-Hour)
• ระยะเวลาการเปิดเว็บไซต์ต่อเนื่องสูงสุด (ผ่านระบบ Wi-Fi) ประมาณ 10 ชั่วโมง
• ระยะเวลาการเปิดเว็บไซต์ต่อเนื่องสูงสุด (ผ่านระบบเครือข่าย) ประมาณ 9 ชั่วโมง
• ระยะเวลาการเปิดดูวิดีโอต่อเนื่องสูงสุด ประมาณ 10 ชั่วโมง
• ระยะเวลาการฟังเพลงต่อเนื่องสูงสุด ประมาณ 10 ชั่วโมง
• หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล ขนาด 16 GB, 32 GB, 64 GB หรือ 128 GB
• หน่วยความจำ RAM (DDR3) ขนาด 1 GB


อ้างอิงข้อมูลจาก :: Sanook
Blogger Template by Clairvo